New Page 2

	Sign In Sign-Up

สถานที่ท่องเที่ยว

อำเภอเมืองสิงห์บุรี
	ศาลและศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี (เก่า) ตั้งอยู่บนถนนวิไลจิตติ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นเมื่อปี ร.ศ.129 (พ.ศ. 2453) และ ร.ศ. 130 (พ.ศ. 2454) ในรัชสมัยสมเด็จ พระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นตึกชั้นเดียวทรงยุโรปมีความส่วยงาม และมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมมากกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็น โบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2533
	วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ตั้งอยู่บนถนนสายสิงห์บุรี-สุพรรณบุรี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ พุทธลักษณะแบบสุโขทัย ยาว 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นของคู่บ้านคู่เมืองที่นับถือกันมาก ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์
	วัดหน้าพระธาตุ ตั้งอยู่ที่บ้านจักรสีห์ ต. จักรสีห์ ห่างจากวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ประมาณ 1 กม. มีพระปรางค์ก่อด้วยอิฐ สูงราว 8 วา ศิลปะแบบสมัยอยุธยาตอนต้นกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็น โบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2478
	วัดสว่างอารมณ์ ตั้งอยู่ที่ ต. ต้นโพธิ์ ห่างจากศาลากลางจังหวัดหลังเก่าประมาณ 2 กม.เป็นแหล่งปั้นพระพุทธรูปเหมือนที่สืบทอดวิชาปั้น พระพุทธรูปมาจากตระกูล ช่าง บ้านช่างหล่อธนบุรี นอกจากนี้ยังเป็น แหล่งเก็บรวบรวมตัวหนังใหญ่ที่สมบูรณ์ ที่สุด่ในประเทศไทยปัจจุบันมีตัวหนังใหญ่ที่สมบูรณ์และยัง สามารถเล่นได้กว่า 300 ตัว
อำเภอพรหมบุรี
	วัดกุฎีทอง อยู่ในเขต ต. บางน้ำเชี่ยว บริเวณ กม. ที่ 17 บนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 32 มีมณฑปลักษณะเหมือนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วิถีชีวิตไทยพวนและวัดนี้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานประเพณีต่าง ๆ ของชาวไทยพวนอีกด้วย
	คูค่ายพม่า ตั้งอยู่ทีบ้านเจดีย์หัก ต. บ้านแป้ง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กม. บนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 32 มีลักษณะเป็นเนินดินแนวยาวรูปร่างคล้ายตัว L กว้างประมาณ 5-15 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ. 2127 เมื่อครั้งที่พม่ายกทัพมาตั้งที่ปากน้ำ ต. บางพุทรา เพื่อเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ในเขตอำเภออินทร์บุรี
อำเภอค่ายบางระจัน
	อนุสาวรีย์วีรชนและอุทยานค่ายบางระจัน อยู่ห่างจากตัวเมือง 15 กม. ตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-สุพรรณบุรี เป็นสวนรุกขชาติที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ วีรชนค่ายบางระจัน จำนวน 11 คน สร้างโดยกรมศิลปากร ค่ายบางระจันมีความสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ผืนแผ่นดิน แห่งนี้ได้บันทึกเหตุการณ์ความกล้าหาญและความเสียสละ ของวีรชนไทยที่เกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2308โดยได้รวมพลังกัน ต่อสู้กับกองทัพพม่าเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้
	วัดโพธิ์เก้าต้น หรือ วัดไม้แดง ตั้งอยู่บริเวณบริเวณค่ายบางระจันสถานที่แห่งนี้วีรชนชาวไทย เคยใช้เป็นที่มั่นในการต่อตานข้าศึกที่มารุกราน ชาวบ้านเรียก วัดนี้ว่า "วัดไม้แดง" ในบริเวณวัดมี "วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ" ซึ่งเป็นผู้นำสำคัญผู้หนึ่งของชาวบ้านบางระจัน ด้านหน้ามี สระศักดิ์สิทธิ์ และค่ายจำลองแบบสมัยโบราณอยู่บริเวณรอบวัด ด้านหลังของวัดมี"โครงการอนุรักษ์พันธ์ปลาที่อาศัยอยู่ในลำน้ำ .แบบธรรมชาติ" ิซึ่งมีทัศนียภาพงดงามแบบชนบท
อำเภออินทร์บุรี
	วัดม่วง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ วิหารเก่าแก่สมัยอยุธยา มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องพุทธประวัติ ิเขียนด้วยสีฝุ่น ฝีมือวาดชั้นครู ที่งดงามและสมบูรณ์มากที่สุดของ ภาคกลางสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว
	วัดสุทธาวาส อยู่ในเขตตำบลทับยา มีวิหารเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัย อยุธยามีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ิพระจุฬามณี วาดด้วยฝีมือช่างชั้นครู งดงามมาก
	วัดโบสถ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า) ประมาณ 16 กม. เป็นพระอารามหลวง มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายในวัดมีพระอุโบสถ สร้างโดยใช้รางรถไฝเป็นแกนกลางข้างล่าง ที่น่าสนใจ คือ บานประตู หน้าต่างโบสถ์ทั้งหลัง แกะสลักงดงามมาก ฝีมือช่าง ชื่น หัตถโกศล
	พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี ตั้งอยู่บริเวณวัดโบสถ์ มีโบราณวัตถุที่สำคัญ และเป็นที่รวมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ เช่น โบราณวัตถุที่ขุดพบจากเมืองโบราณบ้านคุเมือง เครื่องถ้วยศิลปะไทย-จีน พัดยศ เครื่องประดับสมณศักดิ์ ของพระสงฆ์ เครื่องดนตรีไทย พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.00 น.
	เมืองโบราณบ้านคูเมือง อยู่ในเขตตำบลห้วยชัน สันนิษฐานว่าเป็นชุมชนสมัยทวารวดี ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินดินรูปสี่เหลี่ยมมุมมน มีการขุดค้นพบภาชนะดินเผามากมาย เช่น หม้อ ไห กาน้ำ ลูกปัดหินสีค่าว ๆ จึงได้นำไปเก็บรักษา และจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นสวนรุกขชาติ มีสภาพแวดล้อมร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และยังคงปรากฎคูน้ำโบราณขนาดกว้างประมาณ 5-10 เมตร ให้เห็นอยู่
อำเภอบางระจัน
	วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร) อยู่ที่บ้านโคกหม้อ ตำบลเชิงกลัด ภายในบริเวณวัดมีพระปรางค์ศิลปะสมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก่อด้วยอิฐแบบปรางค์ไทย สูงราว 15 เมตร ด้านหลังมีวิหารเก่าแก่ที่หน้าบันแกะสลักไม้รูปตัวสิงห์ และคันทวยงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีร่องรอย ของ เตาเผาโบราณปรากฎอยู่ 4 เตา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2478
	แหล่งเตาแม่น้ำน้อย ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระปรางค์ ป็นแหล่งเตาเผาภาชนะดินเผาขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภาชนะที่ขุดพบมากคือ ไหสี่หู ครก กระปุก ขวด ท่อน้ำดินเผา สามารถขอชมโบราณวัตถุได้ในกุฏิของท่านเจ้าอาวาสวัด แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่สำคัญยิ่งแหล่งหนึ่งเท่านั้นแต่ยังเป็นศูนย์การศึกษาทางวิชาการ เซรามิคอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย
	อุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 9 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 309 คำว่า "แม่ลา" เป็นชื่อลำน้ำธรรมชาติสายหนึ่งในท้องที่จังหวัดสิงห์บุรี ไหลผ่าน พื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภออินทร์บุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอเมือง ปลาที่จับได้จากลำแม่ลามีรสชาติอร่อยไม่เหมือนที่อื่น โดยเฉพาะปลาช่อนแม่ลา ซึ่งเป็นของฝากที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสิงห์บุรี อุทยานแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของผู้แวะเข้ามาเยี่ยมชมต้นกำเนิดของปลาช่อนแม่ลา
อำเภอท่าช้าง
	วัดพิกุลทอง (วัดหลวงพ่อแพ) อยู่ในเขตตำบลพิกุลทอง ห่างจากวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ประมาณ 9 กิโลเมตรเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือพระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี ีพุทธลักษณะงดงามมากนอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อแพ และที่บริเวณหน้าวัดมีแม่น้ำน้อยไหลผ่านเป็นที่อยู่อาศัย ของปลาจำนวนมาก